โรคไข้หวัดนก (BIRD FLU) หน้าหลัก , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไข้หวัดนก
สารบัญหน้าที่3
การควบคุมและป้องกัน
, มาตรการของกรมปศุสัตว์สำหรับผู้ที่ต้องเกี่ยวข้อง
การควบคุมและป้องกัน
-
มีการสุขาภิบาลและการจัดการฟาร์มที่เข้มงวด
-
ในกรณีที่เกิดโรคระบาดให้ทำลายสัตว์ทั้งหมด
-
ทำความสะอาดโรงเรือนและใช้ยาฆ่าเชื้อโรคให้ทั่วถึง
- พักเล้าอย่างน้อย 21 วัน
กรมควบคุมโรค
ออกคำแนะสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์ปีก
ทั้งผู้บริโภค
ผู้ชำแหละและเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
ดังนี้
ผู้บริโภค
1.ผู้บริโภคไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่
ควรรับประทานเนื้อที่ปรุงสุกเท่านั้น
เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ
ที่อาจปนเปื้อนมา
ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย
หรือพยาธิ
จะถูกทำลายไปด้วยความร้อน
2.สำหรับเนื้อไก่ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดในขณะนี้
ถือว่ามีความปลอดภัยสามารถบริโภคได้ตามปกติ
แต่ต้องรับประทานเนื้อไก่สุกเท่านั้น
งดการรับประทานเนื้อไก่กึ่งสุกกึ่งดิบ
3.ส่วนไข่ไก่ก็ควรเลือกฟองที่สดใหม่และไม่มีมูลไก่ติดเปื้อนที่เปลือกไข่
ก่อนปรุงควรนำมาล้างให้สะอาด
และปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
ผู้ชำแหละไก่
ในส่วนของผู้ชำแหละไก่ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงอาจติดโรคจากสัตว์นั้น
ก็ควรระมัดระวังขณะปฏิบัติงานรวมทั้งรักษาสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล
ดังนี้
1.ควรเลือกซื้อเฉพาะไก่ที่มีอาการปกติ
เช่น ขนเรียบ ไม่หงอย หน้า เหนียง
หงอน ไม่บวม ไม่มีน้ำมูก ตาบวม
ขี้ไหล เป็นต้น
2.ขณะเดียวกันก็ไม่ควรขังสัตว์ปีกจำพวกไก่
เป็ด ห่าน ฯลฯ
ไว้ด้วยกันในระหว่างรอฆ่า
และชำแหละเนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เชื้อโรคกลายพันธุ์ทำให้อาจเกิดโรคใหม่
ๆ
ที่เป็นอันตรายทั้งต่อคนและสัตว์
3.ที่สำคัญผู้ชำแหละไก่ควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง
โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย
เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน
ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา
รองเท้าบู๊ท
และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
โดยเฉพาะหลังจับต้องสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์ที่ตาย
4.และเมื่อชำแหละเสร็จแล้วก็ขอต้องรีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด
และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ
เสื้อผ้าชุดเดิมควรนำไปแยกซักและผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
5.นอกจากนี้ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคได้ดี
โดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน
รวมทั้งผักและผลไม้
งดบุหรี่และสุรา
นอนหลักพักผ่อนให้เพียงพอควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นพอในช่วงอากาศเย็น
6.หากมีอาการไม่สบายเช่น มีไข้
ปวดศีรษะ หนาวสั่น เจ็บคอ ไอ
เป็นต้น
ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งแพทย์ด้วยว่ามีอาชีพชำแหละไก่
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
รวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์
สำหรับเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่
รวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์
และผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาดเป็นกลุ่มประชาชนที่เสี่ยงต่อการติดโรคจากสัตว์
ดังนั้นควรปฏิบัติโดยเคร่งครัด
ดังนี้
1.โดยเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ต้องป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น
ๆ
รวมทั้งนกเข้ามาในโรงเรือนเพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามา
นอกจากนั้นจะต้องรักษาความสะอาดในโรงเรือนให้ดีอยู่เสมอ
และหากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที
ต้องไม่นำไก่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย
และทำการกำจัดทิ้งตามคำแนะนำของปศุสัตว์อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่สัตว์หรือคน
2.ส่วนผู้เลี้ยงสัตว์หรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาดไม่ว่าจากสาเหตุใดควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง
โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย
เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน
ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา
รองเท้าบู้ท
และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
โดยเฉพาะหลังจับต้องสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์ที่ตาย
3.รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดและต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จเสื้อผ้าชุดเดิมควรนำไปแยกซัก
และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
4.นอกจากนี้ยังควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคได้ดี
โดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน
รวมทั้งผักปละผลไม้
งดบุหรี่และสุรา
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นพอในช่วงอากาศเย็น
5.และหากมีอาการไม่สบาย เช่น
มีไข้ ปวดศรีษะ หนาวสั่น เจ็บคอ
ไอ เป็นต้น
ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
และแจ้งแพทย์ด้วยว่าทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์
กรมปศุสัตว์ ออกมาตรการสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
หรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาด
โรงฆ่าสัตว์ปีก
ผู้รับซื้อสัตว์ปีกซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรคนั้นควรปฏิบัติดังนี้
มาตรการสำหรับฟาร์มไก่พื้นเมือง
๑.
ควบคุมการเข้า - ออก ของคน สัตว์
ไม่ให้ยานพาหนะและคน
โดยเฉพาะรถรับซื้อไก่
รถรับซื้อไข่ รถรับซื้อขี้ไก่
รวมถึงคนรับซื้อไก่ ไข่ หรือ
ขี้ไก่เข้ามาในฟาร์ม
หรือบริเวณบ้าน |
๒.
งดซื้อไก่จากพื้นที่อื่นๆเข้ามาเลี้ยง |
๓.
รักษาความสะอาดในโรงเรือน
ทำโรงเรือนแบบปิด
หรือใช้ตาข่ายคลุม
และกำจัดเศษอาหาร เพื่อ
ป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ
รวมทั้งนก หนูเข้ามาในโรงเรือน
เพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามาในฟาร์ม
|
๔.ไม่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะเช่นแม่น้ำลำคลอง
เลี้ยงไก่
หากจำเป็นให้ผสมยาฆ่าเชื้อ เช่น
คลอรีน |
๕.
หากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที
ไม่นำไก่ที่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย
อย่าทิ้งซากสัตว์ลงในแหล่งน้ำ
หรือที่สาธารณะ
ต้องกำจัดทิ้งโดยการเผา
หรือฝังในหลุมลึกไม่น้อยกว่า ๕
เมตร ณ จุดเกิดโรค รวมทั้งมูลไก่
ไข่ และอาหารสัตว์ด้วย
แล้วราดด้วยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ |
๖.
ก่อนเข้าไปในฟาร์ม
สัมผัสสัตว์ป่วย ซากสัตว์ที่ตาย
หรือทำลายสัตว์
ควรสวมผ้าพลาสติกกันเปื้อน
ผ้าปิดปาก จมูก ถุงมือ หมวก
หลังเสร็จงานรีบอาบน้ำด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด
เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้ง
เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว พลาสติก
หรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก
ถุงมือต้องถอดทิ้ง
หรือนำไปซักหรือล้างให้สะอาดก่อนนำมาใช้อีก
|
๗ .
ทำลายเชื้อโรคในพื้นที่ที่เกิดโรคระบาดโดยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในบริเวณฟาร์ม
กรง เล้า พื้นคอก และรอบๆ เช้า
เย็น ทุกวัน |
|
มาตรการสำหรับฟาร์มไก่เนื้อและไก่ไข่
๑.
ห้ามนำยานพาหนะต่างๆ
โดยเฉพาะรถส่งอาหารไก่
รถรับซื้อไก่ รถรับซื้อไข่ หรือ
รถรับซื้อขี้ไก่
เข้ามาในฟาร์ม
หรือบริเวณบ้านโดยไม่จำเป็น
หากต้องเข้าฟาร์มต้องใช้ยาฆ่าเชื้อโรคฉีดพ่นยานพาหนะทุกครั้งก่อนเข้า
และออกจากฟาร์ม |
๒.
ป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนคนที่เข้า-ออกฟาร์ม
โดย
-
ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าฟาร์มโดยไม่จำเป็น
-
บุคคลที่ต้องเข้า-ออกฟาร์ม
ต้องจุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าฟาร์ม
และให้เปลี่ยนรองเท้าของฟาร์มที่เตรียมไว้
-
ไม่ควรเข้าไปในฟาร์มอื่นเพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคจากฟาร์มอื่นเข้มาในฟาร์ม |
๓.
รักษาความสะอาดในโรงเรือน
ทำโรงเรือนแบบปิด
หรือใช้ตาข่ายคลุม
และกำจัดเศษอาหาร
เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ
รวมทั้งนก หนูเข้ามาในโรงเรือน
เพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามาในฟาร์ม
|
๔.
ป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนไข่
และถาดไข่ในฟาร์มไข่ไก่โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ไข่และถาดไข่ทุกครั้งที่นำเข้าฟาร์ม |
๕.
หากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันทีเพื่อรับซื้อไก่ที่เหลือในฟาร์มและปฏิบัติตามคำแนะนำของปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อมาสู่สัตว์อื่น
ไม่นำไก่ที่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย
อย่าทิ้งซากสัตว์ที่ตายลงในแหล่งน้ำ
หรือที่สาธารณะ
ต้องกำจัดทิ้งโดยการเผา
หรือฝังในหลุมลึกไม่น้อยกว่า ๕
เมตร ณ จุดเกิดโรค รวมทั้งมูลไก่
ไข่ และอาหารสัตว์
แล้วราดด้วยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ |
|
ผู้รับซื้อสัตว์ปีก
๑.
ต้องฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ตัวรถ
ล้อรถ
และกรงใส่สัตว์ปีกให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุม
หลังจากนำสัตว์ปีกส่งโรงฆ่าแล้ว
|
๒.
เมื่อซื้อสัตว์ปีกที่ใดแล้ว
ไม่ควรแวะซื้อที่อื่นอีก
หากจำเป็นไม่ควรควรนำยานพาหนะเข้าไปในฟาร์ม
และต้องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่เสื้อผ้า
รองเท้าและตัวคนจับสัตว์ปีก |
๓.อย่าซื้อสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย
หรือสัตว์ปีกจากฟาร์มที่มีสัตว์ปีกตายมากผิดปกติ
|
|
โรงฆ่าสัตว์ปีก
๑.
ต้องงดซื้อสัตว์ปีกป่วยเข้าฆ่า |
๒.
ถ้ามีสัตว์ปีกตายให้ทำลายด้วยการฝัง
เผา
ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่บริเวณโรงฆ่า
ทุกซอกทุกมุมหลังเสร็จสิ้นการฆ่าสัตว์ปีกทุกครั้ง
|
๓.
หากพบสัตว์ปีกหรือเครื่องในมีความผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยเร็ว |
|
วิธีการทำลายเชื้อ
สิ่งที่ต้องทำลายเชื้อ |
วิธีการทำลายเชื้อ |
1.ยานพาหนะ
|
1.
ใช้น้ำฉีดแรงดันสูงเพื่อทำความสะอาดยานพาหนะ
2.
พ่นยาฆ่าเชื้อบนรถและล้อรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มฟอร์มาลดีไฮด์
กลุ่ม
กลูตาราลดีไฮด์
กลุ่มควอเตอร์นารีแอมโมเนียม
กลุ่มฟีนอล หรือสารประกอบคลอรีน |
2.วัสดุอุปกรณ์ต่าง
ๆ ในโรงเรือน |
แช่อุปกรณ์ต่าง ๆ
ในน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มคลอรีน
กลุ่มควอเตอร์นารีแอมโมเนียม
กลุ่มฟีนอลหรือกลุ่มกลูตาราลดีไฮด์ |
3.โรงเรือน |
ฉีดพ่นบริเวณโรงเรือนและรอบโรงเรือนทุกวัน
เช้า-เย็น
ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเช่นเดียวกับที่ใช้ฉีดพ่นยานพาหนะ |
4.ถาดไข่ |
1.
.แช่ถาดไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มน้ำสบู่เช้มข้น
ผงซักฟอก สารประกอบคลอรีน
สารประกอบควอเตอร์นารีแอมโมเนียมหรือสารประกอบฟีนอล
เป็นระยะเวลานาน 10-30 นาที หรือ
2. รมควันถาดไข่ในห้องแบบปิด
หรือใช้ผ้าพลาสติกคลุม
โดยใช้ฟอร์มาลีน 40 %
ผสมกับด่างทับทิม
ในอัตราส่วนฟอร์มาลีน 50 มล. ต่อ
ด่างทับทิม 10 กรัม ในพื้นที่ขนาด 2 x
2 x 2 เมตร เป็นระยะเวลา 24 ชม. |
5. ไข่ |
1.
จุ่มไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มไฮโปคลอไรท์
หรือสารประกอบฟีนอล
2.
รมควันโดยใช้วิธีเดียวกับถาดไข่ |
|
หน้าหลัก
, 1
, 2
, 3 , 4
, 5 , แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไข้หวัดนก