งานวิจัยกำลังดำเนินการวิจัย (โครงการปี 2544) |
1. ชื่อโครงการวิจัย : |
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองสารต้านจุลชีพตกค้างในเนื้อสัตว์ |
และผลิตภัณฑ์ด้วย วิธี ทริปเปิลมีเดี่ยมเทสด้วยไตรเมทโทร พริม วิธี โมดิฟายด์ โฟรเพท |
เทสและวิธีทิวดิฟฟิวชั่น (The efficacy comparison study of antibiotic residues |
screening test in meat and meat products by Triple Medium Test with |
Trimethoprim (TMT) Method , Modified Four-Plate Test (M-FPT) and Tube |
|
2. คณะผู้ร่วมวิจัย |
2.1 หัวหน้าโครงการวิจัย |
|
|
|
|
โทรศัพท์ :โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
E-mail : narnan @ kku.ac.th. |
สัดส่วนการทำงาน : 40 % |
2.2 ผู้ร่วมวิจัย |
นายพิทักษ์ น้อยเมล์ : Mr.Pitak Noimay |
ตำแหน่ง: นักวิทยาศาสตร์ 5 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 20 % |
2.3 ผู้ร่วมวิจัย |
นายสรรเพชญ อังกิติตระกูล : Mr. Sunpetch Angkititakul |
ตำแหน่ง: อาจารย์ระดับ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 20 % |
2.4 ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: นักวิทยาศาสตร์ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
2.5 ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: พนักงานนักวิทยาศาสตร์ 4 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364496. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
คำสำคัญ (key words): antibiotic residues screening test in meat; การตรวจคัดกรองสาร |
ต้านจุลชีพตกค้างในเนื้อสัตว์; ยาปฏิชีวนะตกค้าง |
คำสำคัญและเหตุผลในการทำวิจัย |
การใช้สารปฏิชีวนะในธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศมีการใช้อย่างกว้างขวางโดยมีจุด |
ประสงค์เพื่อรักษาโรคสัตว์ ป้องกันควบคุมการติดเชื้อ และเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งในระหว่าง |
การเลี้ยงสัตว์จนได้เนื้อสู่ท้องตลาด สัตว์มีโอกาสได้รับยาปฏิชีวนะต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้หลาย |
ทาง และมีผลต่อเนื่อง ทำให้มีการตกค้างของสารเหล่านี้ ในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้ ถ้า |
หากไม่ได้คำนึงถึงชนิดของยาปฏิชีวนะ ปริมาณของยาที่ใช้ และระยะเวลาที่เหมาะสมในบางครั้งมี |
การใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น และไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ |
จากสัตว์ แม้แต่ผู้บริโภคจำนวนมาก็ไม่ได้คิดถึงปัญหา และอันตรายจากยาปฏิชีวนะตกค้างใน |
อาหารที่ได้จากสัตว์เหล่านี้ สารต้านจุลชีพหรือสารปฏิชีวนะถ้าหากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง และไม่ |
ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ จะมีผลต่อเนื่อง ทำให้เกิดการตกค้างของสารเหล่านี้ในเนื้อสัตว์ และผล |
ผลิตจากสัตว์รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค เช่น เกิดอาการแพ้ยา หรือเจ็บ |
ป่วย นอกจากนี้ยังมีผลทำให้แบคทีเรียเกิดการดื้อยา ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่อมนุษย์และสัตว์ |
เพราะทำให้การรักษาโรคยากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มทำให้เกิดมะเร็งได้ (กาญจนี, 2539) อีก |
ประการต่อมาคือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากไม่สามารถส่งเนื้อสัตว์และผลิต |
ภัณฑ์ไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ |
ในปัจจุบันประเทศไทยได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมากเพื่อให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ |
ต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มสนใจเรื่องยาปฏิชีวนะตกค้างในอาหารที่แปรรูปมาจากสัตว์ เพื่อ |
ตอบสนองมาตรการควบคุมคุณภาพจากตลาดต่างประเทศ และคุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้ |
บริโภคภายในประเทศ วิธีการที่จะคุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จาก |
สัตว์ จะต้องพัฒนาศึกษาวิธีการตรวจวิเคราะห์ที่รวดเร็ว และประหยัดเหมาะสมกับการตรวจตัว |
อย่างจำนวนมาก เพื่อใช้ตรวจวิเคราะห์และติดตามสภาวะสารต้านจุลชีพตกค้าง เพื่อหามาตรการ |
ควบคุมป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้สารต้านจุลชีพในการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่และ |
สุกร เพื่อให้ได้เนื้อที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งการตรวจสารต้านจุลชีพตกค้างในเนื้อสัตว์ที่ใช้ใน |
ปัจจุปันได้แก่ วิธี ทริปเปิลมีเดี่ยมเทส ด้วยไตรเมทโทรพริมเนื่องจาก ราคาถูก สามารถตรวจกับตัว |
อย่างได้จำนวนมากแต่มีข้อเสียคือ อ่านผลค่อนข้างยากเมื่อมีการปนเปื้อนเชื้อราและให้ผลบวกเทียม |
จากปฏิกริยาของเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในตัวอย่างหรือสารต้านจุลชีพโดยธรรมชาติในเนื้อสัตว์ |
ส่วนวิธีโมดิฟายด์ โฟรเพท เทส ดัดแปลงโดย The Central National D Etrudes Veterinaires et |
Alimentaires, France (CNEVA) ซึ่งให้ผลการตรวจได้ดีกว่าวิธีแรกแต่การเตรียมสารเคมีจะค่อนข้าง |
ยุ่งยากกว่า และวิธี ทิวดิฟฟิวชั่น เทคนิค จะสะดวกในการใช้ และสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ |
แต่มีราคาแพงกว่า 2 วิธีแรก ส่วนความแม่นยำและความน่าเชื่อถือยังอยู่ในระหว่างการศึกษา |
สำหรับการตรวจด้วยเครื่อง HPLC ขั้นตอนการตรวจจะยุ่งยากต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความ |
ชำนาญโดยเฉพาะ เหมาะกับตัวอย่างจำนวนไม่มาก วิธีนี้ราคาแพง แต่มีความแม่นยำสูงมักใช้ตรวจ |
ยืนยันหา ชนิดและปริมาณการตกค้าง การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาเปรียบเทียบ ความว่องไว |
ความสะดวกในการใช้ และค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจคัดกรองสารต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์และผลิต |
ภัณฑ์จากสัตว์ทั้ง 3 วิธี ซึ่งเป็นวิธีการตรวจวิเคราะห์เบื้องต้น (screening test) เพื่อศึกษาหาวิธีที่ |
เหมาะสมในการตรวจคัดกรองสารต้านจุลชีพตกค้างในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ ของภาควิชา |
สัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และใช้เป็นพื้นฐานในการ |
ศึกษาพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์สารต้านจุลชีพตกค้างในอาหารจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ใน |
ระยะต่อไป |
วัตถุประสงค์การวิจัย |
1. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ ความว่องไว ความสะดวก และค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจคัดกรอง |
สารต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ด้วยวิธี TMT, M-FPT และ TDT |
2. เพื่อศึกษาสภาวะสารต้านจุลชีพที่ตกค้างในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ในเขตเทศบาลนคร |
ขอนแก่น |
3. เพื่อเก็บรวบรวมตัวอย่างที่สงสัยมีสารต้านจุลชีพตกค้างไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปริมาณ |
และของสารต้านจุลชีพตกค้างด้วยเครื่อง HPLC |
4. เพื่อหาวิธีการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมในการตรวจให้บริการ การเรียนการสอนและวิจัย |
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ |
1. ทราบ ความว่องไว ความสะดวกในการใช้ ค่าใช้จ่ายในการตรวจ และความเหมาะสม |
ของแต่ละวิธี |
2. ทราบข้อมูลสภาวะการตกค้างของสารต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ในเขตเทศ |
บาลนครขอนแก่น |
3. สามารถให้บริการตรวจสอบกับตัวอย่างจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วและประหยัดเพื่อคัด |
เลือกตัวอย่างที่สงสัยมีสารต้านจุลชีพตกค้างไปตรวจด้วยวิธีอื่นได้ |
4. พัฒนานักวิจัย อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ในการตรวจ |
วิเคราะห์สารต้านจุลชีพตกค้างในอาหารจากเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ |
5.สามารถใช้เป็นวิธีตรวจสอบและควบคุมป้องกันสารปฏิชีวนะตกค้างในเนื้อสัตว์และผลิต |
ภัณฑ์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และการส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศได้ |
2 .ชื่อโครงการ: ประสิทธิภาพของปูนขาว ต่อการยับยั้งเชื้อ B. pseudomallei ในดินนา |
The Efficacy of Lime (CaO) as Inhibitors to B. pseudomallei in Soil from Rice field |
คณะผู้วิจัย |
|
นาย นริศร นางาม; Mr. Narisorn Na-ngam |
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 7 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทร. 043-364493. โทรสาร. 043-241570. โทร (บ้าน). 043-235165. |
E-mail address: narnan@kku.ac.th |
2. ผู้ร่วมวิจัย: |
นาย สรรเพชญ อังกิติตระกูล; Mr. Sunpeth Angkittitakul |
ตำแหน่ง : อาจารย์ ระดับ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทร. 043-364493. โทรสาร. 043-241570. โทร (บ้าน). 043-238519, 01-9549369 |
E-mail address: sunpetch@kku.ac.th |
3. ผู้ร่วมวิจัย: |
นาย พิทักษ์ น้อยเมล์; Mr. Pitak Noimay |
ตำแหน่ง : นักวิทยาศาสตร์ ระดับ 5 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทร. 043-364493. โทรสาร. 043-241570 |
E-mail address: pitnoi@kku.ac.th |
4. ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: นักวิทยาศาสตร์ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
5. ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: พนักงานนักวิทยาศาสตร์ 4 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364496. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
กรอบของประเด็นการวิจัย |
ศึกษาประสิทธิภาพของปูนขาวในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ |
biotype ในดินนาเพื่อจะนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการควบคุมและกำจัดเชื้อในดิน |
ระยะต่อไป |
วัตถุประสงค์การวิจัย |
1. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ ความว่องไว ความสะดวก และค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจคัดกรอง |
สารต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ด้วยวิธี TMT, M-FPT และ TDT |
2. เพื่อศึกษาสภาวะสารต้านจุลชีพที่ตกค้างในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ในเขตเทศบาลนคร |
ขอนแก่น |
3. เพื่อเก็บรวบรวมตัวอย่างที่สงสัยมีสารต้านจุลชีพตกค้างไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปริมาณ |
และของสารต้านจุลชีพตกค้างด้วยเครื่อง HPLC |
4. เพื่อหาวิธีการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมในการตรวจให้บริการ การเรียนการสอนและวิจัย |
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ |
1. ทราบ ความว่องไว ความสะดวกในการใช้ ค่าใช้จ่ายในการตรวจ และความเหมาะสม |
ของแต่ละวิธี |
2. ทราบข้อมูลสภาวะการตกค้างของสารต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ในเขตเทศ |
บาลนครขอนแก่น |
3. สามารถให้บริการตรวจสอบกับตัวอย่างจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วและประหยัดเพื่อคัด |
เลือกตัวอย่างที่สงสัยมีสารต้านจุลชีพตกค้างไปตรวจด้วยวิธีอื่นได้ |
4. พัฒนานักวิจัย อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ในการตรวจ |
วิเคราะห์สารต้านจุลชีพตกค้างในอาหารจากเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ |
5.สามารถใช้เป็นวิธีตรวจสอบและควบคุมป้องกันสารปฏิชีวนะตกค้างในเนื้อสัตว์และผลิต |
ภัณฑ์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และการส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศได้ |
2 .ชื่อโครงการ: ประสิทธิภาพของปูนขาว ต่อการยับยั้งเชื้อ B. pseudomallei ในดินนา |
The Efficacy of Lime (CaO) as Inhibitors to B. pseudomallei in Soil from Rice field |
คณะผู้วิจัย |
|
นาย นริศร นางาม; Mr. Narisorn Na-ngam |
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 7 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทร. 043-364493. โทรสาร. 043-241570. โทร (บ้าน). 043-235165. |
E-mail address: narnan@kku.ac.th |
2. ผู้ร่วมวิจัย: |
นาย สรรเพชญ อังกิติตระกูล; Mr. Sunpeth Angkittitakul |
ตำแหน่ง : อาจารย์ ระดับ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทร. 043-364493. โทรสาร. 043-241570. โทร (บ้าน). 043-238519, 01-9549369 |
E-mail address: sunpetch@kku.ac.th |
4. ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: นักวิทยาศาสตร์ 6 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364493. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
5. ชื่อผู้ร่วมวิจัย |
|
ตำแหน่ง: พนักงานนักวิทยาศาสตร์ 4 |
สถานที่ทำงาน : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 |
โทรศัพท์ : โทร. 043-364496. โทรสาร : 043-241570 |
สัดส่วนการทำงาน : 10 % |
กรอบของประเด็นการวิจัย |
ศึกษาประสิทธิภาพของปูนขาวในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ |
biotype ในดินนาเพื่อจะนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการควบคุมและกำจัดเชื้อในดิน |
วัตถุประสงค์ที่จำเพาะของโครงการ |
1. ศึกษาระดับความเข้มข้นของปูนขาวที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดินนา |
2 . ศึกษา pH ที่มีผลยับยั้งเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดิน |
3. ศึกษาความชื้นที่เหมาะสมของดินต่อการออกฤทธิ์ของปูนขาว ในดิน |
4. ระยะเวลาที่ปูนขาวสามารถทำลายเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดิน |
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ |
1. ทราบประโยชน์การใช้ปูนขาวในระดับความเข้มข้นต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ |
. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดินนา |
2. ทราบ pH ที่เหมาะสมในการทำลายเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดิน |
3. ทราบความชื้นที่เหมาะสมของดินต่อการออกฤทธิ์ของปูนขาว ในดิน |
4. ทราบระยะเวลาที่ปูนขาวสามารถทำลายเชื้อ B. pseudomallei Ara-/Ara+ ในดิน |
5. นำไปประยุกต์ใช้ในการกำจัดเชื้อในดินของพื้นที่ที่มีการเกิดโรคเมลิออยโดสีสได้ |
เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมีการศึกษาวิจัย |
|
Saprophytic bacteria พบอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม เช่น ดินและน้ำของถิ่นระบาดของโรคมีทั้ง |
Arbinose positive (Ara+) และ Arabinose negative (Ara-) แต่เชื้อที่แยกได้จากคนป่วยด้วยโรคเมลิ |
ออยโดสีส มักเป็นชนิด Ara- เชื้อมีชีวิตอยู่ในน้ำที่อุณหภูมิห้องได้นาน 8 สัปดาห์ ในโคลนตมที่มีน้ำ |
ท่วมขังได้นาน 7 เดือน (Blood et al., 1983) ที่อุณหภูมิตู้เย็น (4oC) มีชีวิตอยู่นานหลายเดือน และ |
เจริญที่ pH 4.5-8 ที่อุณหภูมิ 15-42oC ในดินที่มีปริมาณน้ำ ร้อยละ10 ทำให้เชื้อมีชีวิตอยู่ได้ถึง 70 วัน |
(Tong et al., 1996) โรคนี้กระจายอยู่ทั่วไปทั้งในคนและสัตว์ในเขตร้อน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย |
ตะวันนออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียตนาม ลาว และกัมพูชา เป็นต้น เมลิออย |
โดสีสเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศไทยโรคหนึ่งซึ่งมีผู้ป่วยในแต่ละปี ประมาณ 2,000- |
3,000 คน พบอุบัติการโรคสูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราส่วนผู้ป่วย 137.9/100,000 คน โรง |
พยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี พบผู้ป่วยปีละ 150-170 คน พบโรคมากใน |
ช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย. ถึงร้อยละ 75 ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชาวนา-ชาวไร่ ที่ต้องสัมผัส |
กับดินและน้ำเป็นประจำ เชื่อว่าเชื้อเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่เป็นแผลหรือรอยทลอก การกินเชื้อที่ |
ปนเปื้อนอาหารและน้ำ การหายใจ และทางเพศสัมพันธ์ (Lularasamee, 2000; Vuddhakul et al., |
1999; Wuthiekanun et al., 1995) ผู้ป่วยมีทั้งสุขภาพแข็งแรง และป่วยมีโรคเดิม (ร้อยละ 53) เช่น |
เบาหวาน ไตวาย ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว ตับแข็ง เป็นต้น |
จากการศึกษาระบาดวิทยาของเชื้อ B. pseudomallei ในดินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
พบสูงกว่าภาคอื่น ๆ ของประเทศ รวมทั้งความหนาแน่นของเชื้อในดิน ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้ |
ติดเชื้อนี้ที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าวไม่อาจบ่งชี้ |
การปรากฎของเชื้อ B. pseudomallei Ara- ที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคเมลิออยโดสีส (Leelarasamee, |
2000; Vuddhakul. et al., 1999; Smith et al., 1995) เชื้อ B. pseudomallei Ara- ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ก่อ |
โรคสามารถแยกได้จากดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึงร้อยละ 75 (Wathiekanun, 1995) ปูนขาว |
(Lime or Calcia) มีปริมาณมากในประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดสระบุรี เกษตรกรสามารถหาซื้อได้ |
ง่าย และมีราคาถูก เมื่อถูกความชื้นหรือน้ำจะให้แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) และมีสภาพเป็น |
ด่างซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ ในประเทศไทยมีการใช้ปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อในฟาร์มปศุสัตว์มานาน นอก |
จากนี้ยังพบว่าเกษตรกรชาวสวนมักใช้ปูนขาวในแปลงดินเตรียมเพาะปลูกเพื่อปรับสภาพของดิน |
และทำลายตัวอ่อนของศัตรูพืชบางชนิดในดิน มีรายงานการใช้ปูนขาวปรับสภาพความเป็นกรดของ |
ดินในแปลงหญ้าเลี้ยงปศุสัตว์ในขนาด 4, 8, 12 ตัน/เฮกตาร์ (6.5 ไร่) ร่วมกับการใช้ปุ๋ย NKP พบว่า |
สามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพิ่มแคลเซียมในดิน และเพิ่มผลผลิตหญ้าในระยะเวลา 10 ปี (Stevens |
and Laughlin, 1996) แต่การศึกษาวิจัยผลของปูนขาวในการทำลายเชื้อได้มากน้อยเท่าใดยังไม่มีราย |
งาน การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งจะศึกษาระดับความเข้มข้นขนาดต่าง ๆ ของปูนขาวในการยับยั้งเชื้อ B. |
seudomallei ในดินนา เพื่อแสดงหาความรู้เพื่อประยุกต์ใช้สำหรับการควบคุมป้องกันโรค และ |
กำจัดเชื้อโรคเมลิออยโดสีสใน |